วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การพังทลายดิน



าเหตุสำคัญของการชะล้างพังทลายของดินมี  2 ประการ คือ
              
 การชะล้างพังทลายของดิน  เป็นการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกที่มองเห็นได้ชัดเจน เช่น   ดินบริเวณตลิ่งที่ถูกแม่น้ำลำธารกัดเซาะ   การเลื่อนไหลของดินบริเวณภูมิประเทศที่มีความลาดชัน  แผ่นดินถล่ม  การยุบตัวของดิน  เป็นต้น
             สาเหตุสำคัญของการชะล้างพังทลายของดิน   มี  2  ประการ  ดังนี้
            
1. การชะล้างพังทลายของดินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น  การกัดชะด้วยฝนหรือลม  เนื่องจากการขาดพืชคลุมดิน  การกัดเซาะของกระแสน้ำ  การพังของตลิ่งอันเนื่องมาจากการกัดเซาะของน้ำและแรงโน้มถ่วงของโลก  การชะล้างพังทลายจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ  ความลาดเอียงของพื้นดิน  ลมฟ้าอากาศ  ลักษณะของเนื้อดิน  ดินในบริเวณพื้นที่ลาดเอียงจะถูกกัดเซาะได้เร็ว  เพราะกระแสน้ำจะมีความแรงดินในบริเวณที่มีฝนตกหนักจะถูกกัดเซาะไปได้มาก  ส่วนดินในบริเวณพื้นที่แห้งแล้งจะถูกกระแสลมพัดพาไปได้ง่าย ดินแต่ละชนิดจะมีลักษณะต่างกันจึงถูกชะล้างพังทลายได้ยากง่ายต่างกัน  เช่นดินทรายจะถูกพัดพาไปโดยลมได้ง่าย  เป็นต้น

              2. การชะล้างพังทลายของดินที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์  เช่น  การระเบิดภูเขา   การสร้างถนน การตัดไม้ทำลายป่า  การทำไร่เลื่อยลอย    การทำเหมืองแร่      เป็นต้น
             ผลเสียที่เกิดขึ้นจากการชะล้างพังทลายของดินไม่ว่าจะเป็นสาเหตุจากธรรมชาติ  หรือ จากการกระทำของมนุษย์  มีมากมาย  เช่น ดินชั้นบนซึ่งมีแร่ธาตุอยู่มากจะถูกทำลายไป ซึ่งมีผลกระทบต่อการเพาะปลูก  และอย่างเป็นเหตุทำให้อ่างเก็บน้ำตื้นเขิน  บ่อน้ำและแหล่งน้ำตื้นเขิน  เกิดความแห้งแล้งเกิดอุทกภัย  เกิดสันดอนซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการคมนาคมทางน้ำ  เป็นต้น


พัฒนาดินเพื่อให้มีคุณภาพดีมีความอุดมสมบูรณ์ตลอดไป  
        
 สามารถกระทำได้โดยวิธีการดังนี้                
              
  1. การปลูกพืชคลุมดิน  เป็นการป้องกันการชะของน้ำฝนพาเอาหน้าดินซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ไปที่อื่น
พืชที่ปลูกคลุมดินควรเป็นพืชที่แผ่กิ่งก้านและใบไปตามผิวดินได้ดี  และราตื้นพืชคลุมดินจะช่วยลดอัตราการชะล้าง
พังทลาย   ของหน้าดินได้ดี

                 2. การใช้วัสดุธรรมชาติคลุมดิน  ในช่วงเวลาที่หยุดพักการปลูกพืชไม่ควรปล่อยให้ดินว่างเปล่าควรหา
วัสดุมาคลุมดินไว้  วัสดุที่เหมาะสำหรับคลุมดินคือ  หญ้าและฟาง  นอกจากจะเป็นการป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน แล้วดินยังช่วยรักษาความชื้นของดินและยังสลายกลายเป็นปุ๋ยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินอีกด้วย
                 3. การปลูกพืชหมุนเวียน  เป็นการปลูกพืชสลับชนิดกันในพืชที่เดียวกัน  เช่น  การปลูกถั่วสลับกับพืชที่เราต้องการผลผลิต  ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันพังทลายของดินแล้วยังเป็นการเพิ่มรายได้และยังช่วยบำรุงดินให้อุดมสมบูรณ์ด้วย
                 4. 
การปลูกพืชแซม   เป้นการปลูกพืชที่ให้ผลผลิตในพืชที่ว่างระหว่างแถวของพืชหลักในพืชที่ที่ปลูกหลัก  เป็นการป้องกันไม่ให้พื้นที่ว่างนั้นพังทลายลงและ ป้องการเจริญชองวัชพืชได้อีกด้วย
                 5. การปลุกพืชตามแนวระดับ  เป็นวิธีการไถพรวน  หว่าน  ปลูกและเกี่ยวพืชขนานไปตามแนวระดับเดียวกัน  ขวางความลาดเอียงของพืชที่  เป็นวิธีที่ช่วย      อนุรักษ์ดินที่มีลักษณะเป็นเนิน หรือไหล่เขาได้วิธีหนึ่ง
               6. การปลูกพืชแบบชั้นบันได เป็นวิธีสำหรับการอนุรักษ์ดินที่มีลักษณะเป็นเนิน  หรือไหล่เขาทำได้โดยสร้างคันดินหรือแนวหินขวาง  ความลาดเอียงของพื้นที่  แล้วปลูกบนชั้นบันได
               7. การเติมปุ๋ย  การเติมปุ๋ยจะช่วยให้ดินอุดมสมบูรณ์อยู่เสมอ  ปุ๋ยที่ใช้อาจจะเป็นปุ๋ยเคมี  หรือปุ๋ยอินทรีย์ก็ได้
               8. การปลูกป่า  ป่าไม้จะช่วยป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดินได้เป็นอย่างดี  เพราะป่าไม้จะช่วยชะลอการไหลของน้ำ ทำให้น้ำซึมเข้าสู่ดินได้มากขึ้น และหน้าดินไม่พังทลาย  และยังช่วยให้ฝนตกตามฤดูกาล  ไม่เกิดความแห้งแล้งแก่ดิน  ไม่เกิดน้ำท่วม  ฯลฯ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น